Kitabı oku: «กำเนิดความกล้าหาญ »
กำเนิดความกล้าหาญ
(กษัตริย์และผู้วิเศษ เล่ม 2)
มอร์แกน ไรซ์
มอร์แกน ไรซ์
มอร์แกน ไรซ์ เป็นผู้แต่งหนังสือขายดีอันดับ 1 และเป็นผู้แต่งมหากาพย์แฟนตาซีที่ขายดีที่สุดใน USA Today นิยายชุดวงแหวนของผู้วิเศษ จำนวน 17 เล่ม นิยายชุดขายดีอันดับ 1 บันทึกของแวมไพร์ จำนวน 11 เล่ม (และยังมีเล่มต่อไป) นิยายชุดขายดีอันดับ 1 เรื่อง THE SURVIVAL TRILOGY เรื่องราวระทึกขวัญหลังวันโลกาวินาศ จำนวน 2 เล่ม (และยังมีเล่มต่อไป) และนิยายชุดเรื่องราวแฟนตาซีใหม่ล่าสุด กษัตริย์และผู้วิเศษ หนังสือของ มอร์แกน มีทั้งรูปแบบเสียงและสิ่งพิมพ์ และได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 25 ภาษา
มอร์แกน ยินดีรับฟังความคิดเห็นของคุณ โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.morganricebooks.com เพื่อสมัครรับข่าวสารทางอีเมล พร้อมรับหนังสือฟรีและของรางวัลมากมาย สามารถดาวน์โหลดแอปฟรี เพื่อรับข่าวสารล่าสุด หรือเชื่อมต่อกับ Facebook และ Twitter โปรดติดตาม!
คำนิยมสำหรับ มอร์แกน ไรซ์
“เรื่องราวแฟนตาซีที่เชื่อมโยงองค์ประกอบของความลึกลับและการวางแผน เส้นทางแห่งวีรบุรุษ เกี่ยวข้องกับการสร้างความกล้าหาญและการตระหนักถึงเป้าหมายของชีวิตที่จะนำไปสู่การเติบโต ความเป็นผู้ใหญ่ และความดีงาม...เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหานิยายแนวผจญภัยแฟนตาซี ตัวละครสำคัญ อุปกรณ์ และการกระทำที่ส่งผลให้ชีวิตของธอร์เปลี่ยนแปลงจากเด็กช่างฝันสู่วัยรุ่นที่กำลังเผชิญหน้ากับเรื่องราวอันเหลือเชื่อเพื่อเอาชีวิตรอด...นั่นเป็นแค่เพียงการเริ่มต้นของนิยายชุดวัยรุ่นที่ยอดเยี่ยม”
--Midwest Book Review (D. Donovan นักวิจารณ์อีบุค)
“วงแหวนของผู้วิเศษ มีส่วนผสมทุกอย่างของการประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นโครงเรื่องหลัก โครงเรื่องย่อย ความลึกลับ อัศวินผู้กล้าหาญ ความสัมพันธ์ที่แบ่งบานพร้อมกับการอกหัก การหลอกลวงและการทรยศ คุณจะเพลิดเพลินได้หลายชั่วโมง และเป็นที่ชื่นชอบของทุกวัย แนะนำให้มีประจำไว้ในห้องสมุดสำหรับคอนักอ่านแนวแฟนตาซี”
--Books and Movie Reviews, Roberto Mattos
“เรื่องราวแฟนตาซีแสนสนุกของไรซ์ [วงแหวนของผู้วิเศษ] มีเนื้อหาสุดคลาสสิค การจัดวางเรื่องราวที่เข้มข้น ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของสกอตแลนด์ยุคโบราณ รวมถึงความฉลาดในการวางแผน”
—Kirkus Reviews
“ฉันชอบวิธีการสร้างตัวละครธอร์ของมอร์แกน และโลกที่เขาอาศัยอยู่ ภูมิประเทศ รวมถึงสัตว์ประหลาดที่ได้รับการใส่ใจรายละเอียดเป็นอย่างดี...ฉันมีความสุข [เนื้อเรื่อง] เรื่องราวที่กระชับและกลมกล่อม...มีความเหมาะสมของจำนวนตัวครที่บทบาทน้อย ดังนั้นฉันจึงไม่รู้สึกสับสน เรื่องราวประกอบด้วยการผจญภัยและการลุ้นระทึก ฉากต่อสู้ไม่ได้ประหลาดมากจนเกินไป หนังสือเล่มนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักอ่านวัยรุ่น...จุดเริ่มต้นของบางอย่างที่น่าจดจำ...”
--San Francisco Book Review
“หนังสือเล่มแรกนี้อัดแน่นไปด้วยการผจญภัย นิยายชุดแฟนตาซีเรื่อง วงแหวนของผู้วิเศษ (ปัจจุบันมี 14 เล่ม) ไรซ์ได้แนะนำให้ผู้อ่านรู้จัก “ธอร์” ธอร์กริน แม็คคลอยด์ อายุ 14 ปี ที่ฝันอยากเข้าร่วมกองรบเงิน กองกำลังอัศวินชั้นยอดของพระราชา...การเขียนของไรซ์โดดเด่นและนำเสนอเรื่องราวได้น่าสนใจ”
--Publishers Weekly
“[เส้นทางแห่งวีรบุรุษ] เป็นหนังสือที่กระชับและอ่านง่าย ตอนท้ายของแต่ละตอนจะทำให้คุณอยากรู้จะว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนต่อไป คุณจะประทับใจจนวางไม่ลง การพิมพ์ผิดในหนังสือและบางชื่ออาจดูสับสนอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ทำให้เรื่องราวโดยรวมทั้งหมดเสียรสชาติ ตอนจบทำให้ฉันอยากอ่านเล่มถัดไปทันที นิยายชุดวงแหวนของผู้วิเศษทุกเล่มสามารถสั่งซื้อได้ที่ร้านค้า Kindle และตอนนี้เส้นทางแห่งวีรบุรุษสามารถเริ่มอ่านได้ฟรี! หากคุณกำลังมองหานิยายที่กระชับและสนุกสำหรับวันหยุด หนังสือเล่มนี้คือตัวเลือกที่ดีอย่างยิ่ง
--FantasyOnline.net
หนังสือของ มอร์แกน ไรซ์
กษัตริย์และผู้วิเศษ
กำเนิดราชันย์มังกร (เล่ม 1)
กำเนิดความกล้าหาญ (เล่ม 2)
วงแหวนของผู้วิเศษ
เส้นทางแห่งวีรบุรุษ (เล่ม 1)
การเดินทางแห่งราชา (เล่ม 2)
ชะตาแห่งมังกร (เล่ม 3)
เสียงร่ำร้องแห่งเกียรติยศ (เล่ม 4)
คำปฏิญาณแห่งศักดิ์ศรี (เล่ม 5)
อำนาจแห่งดาบ (เล่ม 7)
ประทานพรแห่งสรรพาวุธ (เล่ม 8)
นภาแห่งเวทมนตร์ (เล่ม 9)
ท้องทะเลแห่งโล่ (เล่ม 10)
การครองราชย์แห่งเหล็กกล้า (เล่ม 11)
ดินแดนแห่งเปลวเพลิง (เล่ม 12)
บัญญัติแห่งราชินี (เล่ม 13)
คำสาบานของพี่น้อง (เล่ม 14)
ความฝันแห่งมรณะ (เล่ม 15)
การแข่งขันของอัศวิน (เล่ม 16)
ของขวัญจากการต่อสู้ (เล่ม 17)
ไตรภาคแห่งหนทางการอยู่รอด
สนามที่หนึ่ง ปลดปล่อยความเป็นทาส (เล่ม 1)
สนามที่สอง (เล่ม 2)
บันทึกของแวมไพร์
กลายร่าง (เล่ม 1)
ความรัก (เล่ม 2)
การทรยศ (เล่ม 3)
พรหมลิขิต (เล่ม 4)
ความปรารถนา (เล่ม 5)
การหมั้นหมาย (เล่ม 6)
คำสาบาน (เล่ม 7)
การค้นหา (เล่ม 8)
ฟื้นคืนชีพ (เล่ม 9)
การโหยหา (เล่ม 10)
โชคชะตา (เล่ม 11)
ฟัง นิยายชุด กษัตริย์และผู้วิเศษ ในรูปแบบหนังสือเสียง!
ต้องการหนังสือฟรี?
สมัครรับอีเมลของ มอร์แกน ไรซ์ เพื่อรับหนังสือฟรี 4 เล่ม ฟรี 2 แผนที่ ฟรี 1 แอป และของขวัญสุดพิเศษ!
สมัครได้ที่ www.morganricebooks.com
ลิขสิทธิ์ © 2011 โดย มอร์แกน ไรซ์
สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด ยกเว้นได้รับอนุญาตภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ค.ศ. 1976 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ห้ามนำส่วนใดของการตีพิมพ์นี้ไปทำซ้ำ แจกจ่ายและเผยแพร่ในรูปแบบใด ๆ หรือโดยการกระทำใด ๆ หรือจัดเก็บในฐานข้อมูล หรือระบบสืบค้น โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้แต่ง
หนังสืออีบุคนี้ อนุญาตเพื่อความบันเทิงส่วนตัวของคุณเท่านั้น และอีบุคเล่มนี้ไม่อนุญาตให้นำไปจำหน่ายต่อหรือยกให้กับบุคคลอื่น ถ้าคุณต้องการแบ่งปันหนังสือเล่มนี้กับบุคคลอื่น โปรดสั่งซื้อหนังสือเพิ่มเติมสำหรับแต่ละคน ถ้าคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้และไม่ได้ซื้อ หรือไม่ได้ซื้อในนามของคุณ โปรดส่งคืนและดำเนินการสั่งซื้อในนามของคุณเอง ขอบคุณที่ให้ความเคารพกับผลงานที่ผู้แต่งได้ทุ่มเท
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องแต่ง ชื่อ ตัวละคร ธุรกิจ องค์กร สถานที่ เหตุการณ์ และสถานการณ์ต่าง ๆ ล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้แต่ง หรือได้รับการแต่งขึ้นมา ความคล้ายคลึงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจริง ทั้งที่มีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว เป็นเหตุบังเอิญทั้งสิ้น
Jacket image Copyright Photosani ใช้ภายใต้ใบอนุญาตจาก Shutterstock.com
สารบัญ
บทที่หนึ่ง
บทที่สอง
บทที่สาม
บทที่สี่
บทที่ห้า
บทที่หก
บทที่เจ็ด
บทที่แปด
บทที่เก้า
บทที่สิบ
บทที่สิบเอ็ด
บทที่สิบสอง
บทที่สิบสาม
บทที่สิบสี่
บทที่สิบห้า
บทที่สิบหก
บทที่สิบเจ็ด
บทที่สิบแปด
บทที่สิบเก้า
บทที่ยี่สิบ
บทที่ยี่สิบเอ็ด
บทที่ยี่สิบสอง
บทที่ยี่สิบสาม
บทที่ยี่สิบสี่
บทที่ยี่สิบห้า
บทที่ยี่สิบหก
บทที่ยี่สิบเจ็ด
บทที่ยี่สิบแปด
บทที่ยี่สิบเก้า
บทที่สามสิบ
บทที่สามสิบเอ็ด
บทที่สามสิบสอง
บทที่สามสิบสาม
บทที่สามสิบสี่
บทที่สามสิบห้า
บทที่สามสิบหก
บทที่สามสิบเจ็ด
บทที่สามสิบแปด
บทที่สามสิบเก้า
บทที่สี่สิบ
“คนขลาดมักตายทั้งเป็นก่อนที่จะพบกับพญามัจจุราช
แต่ผู้กล้ากลับเผชิญหน้ากับความตายที่แท้จริงเพียงครั้ง”
--วิลเลียม เชกสเปียร์
จูเลียส ซีซาร์
บทที่หนึ่ง
ไคร่าเดินอย่างเชื่องช้าผ่านกองซากศพ เสียงหิมะดังกรอบแกรบใต้รองเท้าบูท ซึมซับหายนะที่มังกรได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง เธอพูดอะไรไม่ออกเลย ทหารของท่านลอร์ดจำนวนหลายพันคน ทหารที่น่าประหวั่นมากที่สุดในเอสคาลอน ขณะนี้นอนตายอยู่ตรงหน้าเธอ ถูกกำจัดเสียสิ้นในทันที ซากศพที่ไหม้ดำมีควันขึ้นอยู่รอบตัวเธอ หิมะที่อยู่ภายใต้ละลายหายไปสิ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสก่อนตาย โครงกระดูกบิดเบี้ยวในรูปลักษณ์ที่ผิดธรรมชาติ มือที่เหลือแต่กระดูกยังคงกำอาวุธไว้แน่น บางศพยังคงยืนตัวตรง มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้วยความประหลาดใจว่าสิ่งใดหนอที่ปลิดชีพพวกเขา
ไคร่าหยุดข้างซากศพซากหนึ่ง พิเคราะห์ด้วยความประหลาดใจ เธอเอื้อมมือไปสัมผัสไล่ไปที่กระดูกซี่โครง ทันใดนั้นเอง โครงกระดูกก็แตกละเอียดหล่นลงไปกองบนพื้น เศษกระดูกกองทับรองเท้าบูทของเธอ ดาบหล่นลงพื้นอย่างไร้พิษสงในขณะที่เธอมองด้วยความฉงนอยู่นั้น
ไคร่าได้ยินเสียงแหลมกรีดร้องอยู่เหนือศีรษะจึงแหงนคอขึ้นไปมองเป็นธีโอส์ บนเป็นวงกลมอยู่สูงขึ้นไปด้านบน พ่นลมหายใจออกเป็นเปลวเพลิง เหมือนกับยังไม่สมใจ เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขา ความรู้สึกเดือดดาลที่ยังอยู่ในเส้นเลือด เขาต้องการทำลายล้างทั้งแพนดีเซีย – จริง ๆ แล้ว ทำลายล้างโลกทั้งใบต่างหาก – หากเขาสามารถทำได้ นับเป็นความเดือดดาลที่มีมาแต่เดิม เป็นความเดือดดาลซึ่งไม่มีขอบเขตจำกัดจริง ๆ
เสียงรองเท้าบูทเหยียบย่ำหิมะกระตุกความคิดของเธอกลับคืนมา ไคร่าเหลียวหลังไปเห็นทหารของพ่อของเธอจำนวนหลายสิบคนกำลังเดินเข้ามา มองความหายนะด้วยความตกตะลึง เหล่าทหารหาญเหล่านี้มีจิตใจอันเข้มแข็ง แต่พวกเขาไม่เคยเห็นภาพในลักษณะนี้มาก่อนเลย แม้แต่พ่อของเธอ ที่เคียงข้างด้วย เอนวิน อาร์ทฟอล และ วิดาร์ ยังมีสีหน้าเคร่งเครียด มันเหมือนเดินผ่านเข้ามาในความฝันเลยทีเดียว
ไคร่าสังเกตว่าเหล่านักรบผู้กล้าเหล่านี้ละสายตาจากการมองไปบนฟ้ามาที่เธอ ด้วยความรู้สึกประหลาดใจในดวงตา เหมือนกับว่าเป็น เธอ ที่เป็นผู้กระทำทั้งหมดนี้ เหมือนกับเธอเป็นมังกรเสียเอง เหมือนว่าเป็นเธอที่สามารถเรียกมังกรมาได้ เธอเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่อาจบอกได้ว่าเหล่าทหารมองว่าเธอเป็นนักรบผู้กล้าหรือเป็นตัวประหลาดกันแน่ บางที่พวกเขาอาจไม่รู้จริง ๆ ก็ได้
ไคร่านึกย้อนกลับไปยังคำภาวนาของเธอที่วินเทอร์ มูน เธอปรารถนาที่จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอมีความพิเศษจริงหรือไม่ ว่าพลังที่เธอมีเป็นความจริงหรือเปล่า หลังจากวันนี้แล้ว เมื่อสิ้นสุดศึกสงครามในวันนี้แล้ว เธอควรจะหมดความสงสัยได้เสียที เธอเคยตั้งความปรารถนาว่าเจ้ามังกรจะมา และเธอรู้ด้วยตัวเธอเอง จะเพราะเหตุใดเธอไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งที่เธอรู้อย่างแน่นอนแล้วก็คือ เธอมีความแตกต่าง และเธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ หมายความว่าคำทำนายเกี่ยวกับเธอจะเป็นจริงหรือไม่ ว่าฟ้าลิขิตให้เธอเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่หรือเปล่า? เป็นผู้ปกครองผู้ยิ่งใหญ่ใช่ไหม? ยิ่งใหญ่กว่าพ่อของเธอหรือไม่? เธอจะสามารถนำประเทศชาติเข้าสู่สงครามได้หรือไม่? และโชคชะตาของเอสคาลอนอยู่บนบ่าของเธอหรือไม่?
ไคร่ามองไม่ออกเลยว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงได้ บางที ธีโอส์อาจมาด้วยเหตุผลของตัวเองก็ได้ บางทีความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลยแม้แต่น้อยก็ได้ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว เอสคาลอนก็ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาไม่ใช่หรือ?
ไคร่ารู้สึกไม่มั่นใจในสิ่งใด ๆ เลย เท่าที่รู้ขณะนี้ก็คือ ความรู้สึกถึงความร้อนแรงของเพลิงเผาไหม้ของมังกรที่อยู่ในเลือดของเธอ ขณะที่เดินผ่านสมรภูมิ มองเห็นเหล่าศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ของเธอตาย เธอรู้สึกว่าทุกสิ่งเป็นไปได้ เธอรู้ว่า ขณะนี้เธอไม่ใช้เด็กผู้หญิงอายุ 15 ที่มีความหวังว่าจะได้รับการยอมรับในสายตาของผู้ชายทั้งหลายอีกต่อไป เธอไม่ใช่เพียงของเล่นของท่านลอร์ด โกเวิร์นเนอร์ หรือผู้ชายคนไหน ว่าจะให้ทำตามที่คนเหล่านั้นต้องการอีกต่อไป เธอไม่ใช่สมบัติของผู้ชาย ที่จะทำหน้าที่ของภรรยา ถูกทำร้าย ถูกทำทารุณกรรมอีกต่อไป เธอเป็นตัวของตัวเองแล้ว เป็นนักรบท่ามกลางหมู่ชาย และเป็นผู้หนึ่งที่คนอื่นต้องเกรงกลัว
ไคร่าเดินผ่านทะเลแห่งซากศพจนมาถึงจุดที่กองซากศพสิ้นสุด และพื้นดินเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งและหิมะอีกครั้ง เธอหยุดยืนเคียงข้างพ่อของเธอ มองลงไปยังทิวทัศน์ของหุบเขาที่ทอดยาวอยู่ด้านล่าง ณ ที่แห่งนั้นมีประตูแห่งอาร์โกส์ที่เปิดอยู่ เมืองทั้งเมืองว่างเปล่า เนื่องจากชายหนุ่มทั้งหมดเสียชีวิตอยู่ในหุบเขา นับเป็นสิ่งที่น่าขนลุกที่ได้เห็นป้อมปราการอันยิ่งใหญ่ที่ว่างเปล่า ไร้การป้องกันอย่างนี้ ป้อมปราการอันยิ่งใหญ่แห่งแพนดีเซียที่ในเวลานี้เปิดกว้าง รอให้ผู้ใดก็ได้ผ่านเข้าไป กำแพงสูงทะมึนที่สร้างจากก้อนหินหนา เหล่าทหารนับพันที่เคยวางกำลังปกป้องเป็นชั้น ๆ สร้างความประหวั่นให้ผู้ใดก็ตามที่ต้องการต่อกร ด้วยที่ตั้งที่ทำให้แพนดีเซียเป็นเหมือนมือเหล็กของดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือของเอสคาลอน
พวกเขาเริ่มเดินลงมาตามทางลาดและเข้าสู่ถนนอันคดเคี้ยวที่นำไปสู่ประตูเมือง นับเป็นการเดินแห่งชัยชนะแต่ทว่าเคร่งขรึม ตามถนนยังมีศพอยู่ประปราย น่าจะเป็นกลุ่มที่มังกรมาพบและจัดการก่อนที่จะถึงท้องทุ่งแห่งการทำลายล้าง ช่างเหมือนเป็นการเดินผ่านหลุมฝังศพเสียจริง
ขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้าประตูอันน่าเกรงขาม ไคร่าหยุดตรงธรณีประตู และต้องตะลึงเนื่องจากเมื่อเธอมองผ่านประตูเข้าไป เธอเห็นซากศพอีกนับพันซากที่ไหม้เกรียมควันฟุ้งอยู่ นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับองครักษ์ของท่านลอร์ด กลุ่มที่อยู่รั้งท้าย ธีโอไม่ปล่อยให้ใครเหลือรอดเลยแม้สักคนเดียว ความโกรธแค้นของเขาเป็นที่ประจักษ์ แม้แต่บนผนังกำแพง ก้อนหินก้อนใหญ่ที่ก่อเป็นกำแพงก็กลายเป็นสีดำด้วยเปลวเพลิง
ขณะที่เดินเข้า อาร์โกส์ ณ เวลานี้เป็นที่ประจักษ์ในความเงียบสงัด ลานด้านหน้าว่างเปล่า มันดูไม่ตลกเลยที่มาเห็นเมืองที่ปราศจากสิ่งมีชีวิตใด ๆ เช่นนี้ เหมือนพระเจ้าได้ดูดกลืนทุกชีวิตขึ้นไปด้วยการหายใจเพียงครั้งเดียว
ในขณะที่เหล่าทหารของพ่อเธอเร่งรุดไปด้านหน้า เสียงแห่งความตื่นเต้นดังทั่วไปในอากาศ และในไม่ช้าไคร่าก็รู้ว่าเพราะเหตุใด เธอสามารถมองเห็นว่าบนพื้นดินเต็มไปด้วยขุมทรัพย์แห่งอาวุธที่ไม่เคยมีใครเคยได้เห็นมาก่อนกองอยู่เกลื่อนกลาด กระจายอยู่ทั่วทั้งสนาม อาวุธชั้นเลิศ โลหะที่ดีที่สุด เกราะชั้นยอดที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ส่องแสงเป็นประกายด้วยสัญลักษณ์ของแพนดีเซีย นอกจากนี้ ยังมีถุงทองกระจายอยู่ทั่วไปท่ามกลางกองอาวุธเหล่านี้ด้วย
ดียิ่งไปกว่านั้น ขอบสนามเป็นที่ตั้งของคลังอาวุธที่สร้างจากหิน มีประตูที่เปิดกว้างทำให้เห็นห้องที่สร้างจากหินหลายห้อง ภายในมีกองทัพม้าชั้นเลิศ ที่ไม่ได้รับอันตรายจากลมหายใจเพลิงของมังกร ม้าจำนวนมากที่จะขนคนทั้งกองทัพได้
ไคร่าเห็นความหวังผุดขึ้นในดวงตาของพ่อของเธอ ภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และเธอรู้ด้วยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เอสคาลอนจะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงแหลมดังขึ้นอีกครั้ง และไคร่ามองขึ้นไปก็พบธีโอส์บินวนต่ำลงมา ขยายกรงเล็บออก กระพือปีกอันยิ่งใหญ่ในขณะที่บินเหนือเมือง เป็นการแสดงชัยชนะ ดวงตาสีเหลืองสุกปลั่งจ้องมองมาที่เธอ แม้จะอยู่ไกลออกไป แต่เธอก็ไม่สามารถหันไปทางอื่นได้
ธีโอส์กดหัวลงต่ำลงมาและลงแตะพื้นที่ด้านนอกประตูเมือง เขานั่งอย่างภาคภูมิใจ หันหน้ามาทางเธอ เหมือนกับจะเรียกตัวเธอเข้าไปหา และเธอก็รู้สึกว่าเขากำลังเรียกเธออยู่
ไคร่ารู้สึกเหมือนผิวหนังถูกแทง หัวใจเต้นรัวอยู่ภายใน เมื่อเธอรู้สึกถึงการเชื่อมต่อระหว่างเธอกับสิ่งมีชีวิตตัวนี้รุนแรงขึ้น เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเข้าไปหาเขา
ในขณะที่ไคร่าหันหลังกลับและเดินข้ามสนามมุ่งหน้าไปยังประตูเมือง เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้ชายทั้งหลายที่จ้องมองเธอ ทั้งหมดหยุดเพื่อจ้องมองเธอและมังกร เธอเดินไปที่ประตูเมืองเพียงลำพัง รองเท้าบูทเหยียบหิมะ ในขณะที่เธอเดินไปด้วยใจระทึก
เมื่อเธอกำลังจะเดินไปนั้น ไคร่ารู้สึกได้ถึงมืออันอ่อนโยนจับที่แขนของเธอ หยุดรั้งเธอไว้ เมื่อหันกลับไปมองเห็นเป็นพ่อของเธอมีสีหน้าห่วงใยมองมาที่เธอ
“ระวังตัวด้วย” เขาเตือน
ไคร่าเดินต่อ ไม่รู้สึกกลัวใด ๆ แม้เจ้ามังกรจะมีดวงตาที่ดุร้าย เธอมีเพียงความรู้สึกเชื่อมโยงที่ชัดเจนรุนแรง เหมือนเขาเป็นส่วนหนึ่งของเธอที่ผุดขึ้นมา และเป็นส่วนที่เธอจะขาดไม่ได้ หัวของเธอหมุนคว้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น ธีโอส์มาจากไหนกันนะ? เหตุใดเขาจึงมาที่เอสคาลอน? แล้วทำไมเขาจึงไม่มาเร็วกว่านี้?
ขณะที่ไคร่าเดินผ่านประตูเมืองอาร์โกส์และเข้าใกล้มังกร เสียงของเขาดังขึ้น เป็นเสียงที่ดังระหว่างเสียงลมหายใจและเสียงคำราม ขณะที่เขารอให้เธอเดินเข้าไปหา ปีกทั้งสองของเขากระพืออย่างนุ่มนวล เขาอ้าปากเหมือนจะพ่นไฟออกมา เผยให้เห็นฟันซี่ใหญ่ แต่ละซี่มีความยาวเท่า ๆ กับตัวเธอ และคมกริบเหมือนดาบ ในชั่วขณะ เธอรู้สึกตื่นกลัว ดวงตาของเขาจ้องนิ่งมายังเธอด้วยความจริงจังจนทำให้ยากที่จะคิด
ในที่สุด ไคร่าหยุดเดินตรงตำแหน่งที่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ฟุต เธอมองดูเขาด้วยความเกรงขาม ธีโอส์ดูยิ่งใหญ่ เขาสูงสามสิบฟุต เกล็ดของเขาหนาแข็งและดูเก่าแก่ พื้นสะเทือนขณะที่เขาหายใจ หน้าอกของเขาสั่นไหว และเธอรู้สึกว่าชีวิตเธอขึ้นอยู่กับความเมตตาของเขาแต่เพียงผู้เดียว
ทั้งสองยืนอยู่ในความเงียบ หันหน้าเข้าหากัน พิเคราะห์ซึ่งกันและกัน หัวใจของไคร่าเต้นระรัวในหน้าอก ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในอากาศจนเธอรู้สึกเหมือนกับจะหายใจไม่ออก
ลำคอของเธอแห้งผาก ในที่สุด เธอยอมที่จะรวบรวมความกล้าเอ่ยปากออกมาก่อน
“ท่านเป็นใคร?” เธอถาม เสียงเธอแผ่วเบาจนคล้ายเสียงกระซิบ “เหตุใดจึงมาหาฉัน? ท่านต้องการอะไรจากฉันหรือ?”
ธีโอส์น้อมหัวลงต่ำ ส่งเสียงคำราม และโน้มตัวมาข้างหน้า ใกล้จนจมูกอันใหญ่โตของเขาเกือบสัมผัสหน้าอกของเธอ ดวงตาอันใหญ่โตทั้งสองของเขาเป็นสีเหลืองสุกใส เหมือนกับจะจ้องมองที่เธอ เธอเหลือบมองไปที่ดวงตาคู่นั้น ที่แต่ละดวงใหญ่เท่า ๆ กับตัวเธอ และรู้สึกเหมือนหลงเข้าไปอยู่ในอีกโลก อีกเวลาหนึ่ง
ไคร่ารอคอยคำตอบ เธอรอคอยให้ความคิดของเธอได้รับการเติมเต็มด้วยความคิดของเขา เหมือนที่เคยเป็นมาก่อน
แต่เธอได้แต่รอกับรอ และต้องตกใจที่รู้สึกว่าจิตใจของเธอช่างว่างเปล่า ไม่มีอะไรสื่อสารมาหาเธอเลย ธีโอส์เงียบไปแล้วหรือ? เธอสูญเสียการเชื่อมต่อกับเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?
ไคร่าเหลือบมองกลับด้วยความประหลาดใจ มังกรในเวลานี้มีความเร้นลับมากยิ่งกว่าที่เคย ทันใดนั้นเอง เขาลดหลังลงต่ำเหมือนกับจะให้เธอขึ้นขี่ หัวใจเธอเต้นเร็วขึ้น ในขณะที่เธอจินตนาการภาพเธอขี่หลังมังกรบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไคร่าค่อย ๆ เดินไปด้านข้างตัวเขา เอื้อมตัวไปจับที่เกล็ดที่ทั้งแข็งและหยาบ กำลังเตรียมที่จะจับที่ลำคอและปีนขึ้น
แต่ทันใดนั้นเอง เมื่อเธอสัมผัสตัว มังกรบิดตัวหนีออกไป ทำให้เธอหลุดมือและเสียหลัก ในขณะที่เขากระพือปีกเพียงครั้งเดียวอย่างรวดเร็ว ลอยตัวขึ้น เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วจนฝ่ามือของเธอถูกับเกล็ดของเขา เหมือนถูกับกระดาษทราย
ไคร่ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ งุนงง และยิ่งไปกว่านั้น หัวใจสลาย เธอดูหมดหวังในขณะที่เจ้าสิ่งมีชีวิตยกตัวสูงขึ้นในอากาศ ร้องเสียงแหลม และบินสูงขึ้นไปอีก และทันทีที่ถึงกลุ่มเมฆ ธีโอส์บินหลายเข้าไปในกลุ่มเมฆ ไม่เหลืออะไรอีก นอกจากความเงียบที่เข้ามาแทนที่ตัวเขา
ไคร่ายังยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งกว่าที่เคย และในขณะที่เสียงร้องสุดท้ายของเขากำลังจางหายไปนั้น เธอรู้สึกเพียงว่า ครั้งนี้ ธีโอส์จากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ
บทที่สอง
อเล็กวิ่งผ่านป่าในค่ำคืนอันมืดสนิท มีมาร์โคอยู่เคียงข้าง เขาสะดุดรากไม้ที่โผล่พ้นพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะ เขาวิ่งไปพลางสงสัยว่าเขาจะเอาตัวรอดออกไปได้หรือไม่ หัวใจของเขาเต้นรัวในขณะที่เขาวิ่งหนีเอาชีวิตรอด กระหืดกระหอบ ใจอยากหยุดแต่ต้องพยายามรักษาระยะห่างกับมาร์โคไว้ เขาเหลือบมองข้ามไหล่ไปด้านหลังเป็นครั้งที่ร้อยในขณะที่แสงสว่างจาก เปลวไฟ เริ่มจางลง และเริ่มหายไปในป่าที่พวกเขาหนีมา เขาผ่านบริเวณที่มีต้นไม้หนาแน่น และในไม่ช้า เปลวไฟก็หายไปโดยสิ้นเชิง ขณะนี้ทั้งสองอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
อเล็กเลี้ยวและพยายามคลำหาทางในขณะที่วิ่งชนต้นไม้ ลำต้นหวดเข้ากับไหล่ กิ่งไม้ขูดเข้ากับแขน เขาวิ่งเข้าไปในความมืดที่อยู่ด้านหน้า แทบไม่รู้ทาง พยายามไม่สนใจกับเสียงประหลาดที่อยู่รอบกาย เขาได้รับคำเตือนมาก่อนแล้วสำหรับป่าแห่งนี้ ว่าไม่มีใครเคยมีชีวิตรอดออกไปได้ และเขายิ่งมีความรู้สึกนี้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเข้าลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ เขารู้สึกได้ถึงอันตรายที่นี่ สิ่งมีชีวิตอันชั่วร้ายที่ซุ่มซ่อนอยู่ทุกหนแห่ง ป่านี้หนาแน่นมากจนยากที่จะเคลื่อนไหว และกิ่งไม้เกี่ยวพันรอบตัวเข้ามากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทุกย่างก้าวเขาเริ่มสงสัยแล้วว่า คงดีกว่าหรือไม่ ถ้ายอมอยู่กับเปลวเพลิงด้านหลัง
“ทางนี้!” เสียงที่ออกมาแสดงถึงความไม่พอใจ
มาร์โคคว้าที่ไหล่ของเขาและดึงเขาให้เลี้ยวไปทางขวา ระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้น มุดใต้กิ่งไม้ที่โน้มลงมา อเล็กวิ่งตามไป ลื่นไปบนหิมะ และไม่ช้าก็ผ่านเข้ามากึ่งกลางป่าทึบ กลายเป็นที่โล่งแจ้งมีแสงจันทร์ส่องถึงคอยนำทางพวกเขา
พวกเขาหยุด ก้มตัวไปข้างหน้า มือทั้งสองจับสะโพกไว้ หายใจหอบ เขามองตากันแวบหนึ่ง และอเล็กมองข้ามไหล่ตัวเองไปยังด้านหลังของป่า เขาหายใจเสียงดัง รู้สึกเจ็บหน้าอกจากอากาศเย็น กระดูกซี่โครงเจ็บระบม และเริ่มสงสัย
“ทำไมพวกมันถึงไม่ตามเรามา?” อเล็กถาม
มาร์โคยักไหล่
“บางทีพวกมันรู้ว่าป่าแห่งนี้จะช่วยจัดการเราให้ก็ได้”
อเล็กฟังเสียงของทหารแพนดีเซีย แต่ไม่มีเสียงใด ๆ เลย แทนที่จะเป็นเสียงของทหาร พวกเขากลับได้ยินอีกเสียงหนึ่งที่แตกต่าง – เป็นเสียงทุ้มที่คำรามด้วยความโกรธแค้น
“ได้ยินไหม?” อเล็กถาม ขนคอของเขาตั้งชัน
มาร์โคส่ายหน้า
อเล็กยืนรออยู่ที่นั่น สงสัยว่าจิตใจของเขากำลังล้ออะไรเล่นกับเขาอยู่หรือเปล่า ต่อจากนั้นไม่นาน เขาได้ยินเสียงนั้นอีก มันเป็นเสียงคำรามจากระยะไกล ข่มขู่ ไม่เหมือนที่อเล็กเคยได้ยินมาก่อน เขาหยุดฟังเสียงนั้น ในขณะที่เสียงเริ่มดังยิ่งขึ้น เมื่อสิ่งนั้นเข้ามาใกล้
มาร์โกจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาตื่นกลัว
“รู้แล้วล่ะว่าทำไมพวกเขาจึงไม่ตามเรามา” มาร์โกบอก เสียงของเขาบ่งบอกว่าจำที่มาของเสียงประหลาดนั้นได้
อเล็กเริ่มสับสน
“หมายความว่าอะไร?” เขาถาม
“วิลวอกซ์” เขาตอบ ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “พวกเขาปล่อยพวกมันออกมาตามล่าเรา”
คำ วิลวอกซ์ ทำให้อเล็กเกิดความหวาดกลัว เขารู้จักพวกมันตั้งแต่เด็กแล้ว และเคยได้ยินคำร่ำลือว่าพวกมันอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนาม แต่เขาคิดอยู่เสมอว่า พวกมันเป็นสัตว์ที่มีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น ว่ากันว่าพวกมันเป็นนักล่าที่น่ากลัวที่สุดในยามค่ำคืน เป็นสัตว์แห่งฝันร้าย
เสียงคำรามเริ่มดังยิ่งขึ้น ฟังดูเหมือนกับจะมีหลายตัว
“วิ่ง!” มาร์โกอ้อนวอน
มาร์โกหมุนตัวกลับในขณะที่อเล็กออกวิ่งไปพร้อมกัน และทั้งสองก็วิ่งอย่างรวดเร็วเข้าไปในป่า อะดรีนาลีนถูกสูบฉีดเข้ากระแสเลือดในขณะที่อเล็กวิ่งไป เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังเต็มสองรูหูของเขา ขาทั้งสองแทบจะจมลงไปในกองหิมะ เสียงรองเท้าบูทเหยียบหิมะ ในไม่ข้าเขาก็ได้ยินเสียงของเจ้าสิ่งมีชีวิตกลุ่มนั้นใกล้เข้ามาด้านหลัง และเขารู้ด้วยว่ากำลังถูกวิ่งไล่โดยสัตว์ดุร้ายที่ไม่สามารถวิ่งหนีได้
อเล็กสะดุดรากต้นไม้คะมำไปชนยังต้นไม้อย่างจัง เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พยายามสลัดความเจ็บปวดทิ้งแล้ววิ่งต่อ เขากวาดตามองไปที่ป่าเพื่อหาทางหนี ด้วยรู้ดีว่าเวลาเหลือน้อยแล้ว แต่ไม่มีทางหนีเลย
เสียงคำรามยิ่งดังขึ้น ในขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้น อเล็กมองข้ามไหล่ไปยังด้านหลัง – และทันทีที่หันไป เขาได้เห็นสิ่งที่คิดว่าไม่อยากเห็น เพราะที่ตามพวกเขามาติด ๆ คือสัตว์ที่น่ากลัวที่สุดที่คนเคยเห็น มันมีทั้งหมดสี่ตัว วิลวอกซ์มีรูปร่างคล้ายหมาป่า แต่มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่า มีเขาแหลมเล็กสองข้างโผล่ออกมาทางด้านหลังของหัว และมีตาแดงโตหนึ่งดวงอยู่ระหว่างเขาทั้งสองข้าง อุ้งมือของพวกมันมีขนาดเท่าอุ้งมือหมี และมีกรงเล็บยาวโผล่ออกมา หนังของมันเป็นมันและดำเหมือนสีของกลางคืน
เห็นพวกมันในระยะใกล้แบบนี้ อเล็กรู้ตัวดีว่าเขาเหมือนคนที่ตายแล้ว
อเล็กทุ่มพลังที่เหลือทั้งหมดเร่งตัวออกไปข้างหน้า ฝ่ามือทั้งสองของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งที่อากาศหนาวเย็น ลมหายใจออกของเขาจับตัวแข็งอยู่ต่อหน้าเขา วิลวอกซ์อยู่ใกล้เพียงแค่ยี่สิบเมตรเท่านั้น และเขารู้ดีจากแววตาและจากน้ำลายที่ไหลย้อยลงมาจากปาก ว่าพวกมันต้องฉีกร่างพวกเขาเป็นชิ้น ๆ แน่ เขามองไม่เห็นทางที่จะหนีรอดได้เลย เขามองไปที่มาร์โคด้วยหวังว่าจะมีสัญญาณบอกถึงแผนการอะไรบ้าง แต่มาร์โคก็มีสีหน้าสิ้นหวังไม่ต่างจากเขา แน่นอนว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเช่นกัน
อเล็กหลับตาลงและทำสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน: เขาสวดมนต์ภาวนา เขามองเห็นภาพชีวิตทั้งหมดผ่านเข้ามาในดวงตา มันช่วยเปลี่ยนอะไรบางอย่างในตัวเขา ทำให้เขาตระหนักว่าชีวิตเป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์เพียงใด และทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังยิ่งขึ้น เมื่อพยายามที่จะรักษาชีวิตไว้
ได้โปรดเถิด พระผู้เป็นเจ้า ช่วยพาผมออกไปจากที่นี่ หลังจากทุกสิ่งที่ผมทำกับพี่ชายของผม ขออย่าให้ผมต้องจบชีวิตที่นี่เลย ไม่ใช่ในสถานที่แห่งนี้ จากสิ่งมีชีวิตพวกนี้ ผมขอทำทุกอย่าง
อเล็กพลันลืมตาขึ้น มองขึ้นไปด้านบน และทันทีที่เขามองขึ้นไปนั้น ครั้งนี้เขาสังเกตเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่ต่างจากต้นอื่น ๆ กิ่งของมันเป็นตะปุ่มตะป่ำ และคล้อยต่ำลงมา สูงพอให้เขาเอื้อมมือคว้าแล้วกระโดดขึ้นได้ เขาไม่รู้ว่าวิลวอกซ์สามารถปีนต้นไม้ได้หรือไม่ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
“กิ่งไม้นั่น!” อเล็กร้องตะโกนใส่มาร์โค ชี้มือไปที่ต้นไม้
พวกเขาวิ่งตรงไปยังต้นไม้พร้อมกัน และขณะนั้นเองที่วิลวอกซ์ใกล้เข้ามา ห่างเพียงไม่กี่ฟุต พวกเขากระโดดขึ้นและคว้าไปที่กิ่งไม้โดยไม่หยุดวิ่ง พร้อมกับดึงตัวเองขึ้นไป
มือของอเล็กลื่นเนื่องจากหิมะที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ แต่เขาพยายามเกาะไว้ได้สำเร็จ เขาพยายามดึงตัวเองขึ้นไปยังกิ่งที่สูงขึ้นไปจนกระทั่งตัวเขาอยู่พ้นจากพื้นหลายฟุต ทันใดนั้น เขาพยายามกระโดดขึ้นบนกิ่งต่อไป ที่สูงขึ้นไปอีกสามฟุต มาร์โคเคียงข้างเขาไป เขาไม่เคยปีนต้นไม้ได้รวดเร็วอย่างนี้มาก่อนในชีวิต
พวกวิลวอกซ์มาถึงต้นไม้แล้ว พวกมันคำรามอย่างดุร้าย กระโดดขึ้นและพยายามตะปบเท้าของพวกเขา อเล็กรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าวที่ส้นเท้าของเขา ก่อนที่เขาจะยกขาขึ้นสูงหลบเขี้ยวของมันเพียงนิ้วเดียว ทั้งสองยังคงปีนต่อด้วยแรงขับของอะดรีนาลิน จนกระทั่งพวกเขาอยู่พ้นขึ้นไปจากพื้น 15 ฟุต และรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
ในที่สุดอเล็กก็หยุดปีน ยึดเกาะกิ่งไม้ไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี หายใจหอบเหนื่อย เหงื่อไหลย้อยลงมาแสบตาของเขา เขามองลงไปด้านล่าง เพ่งมอง ภาวนาว่าขออย่าให้วิลวอกซ์ปีนต้นไม้ได้เลย
ในที่สุดเขาก็โล่งใจที่เห็นพวกมันยังอยู่บนพื้น ขู่คำรามและส่งเสียงดัง ในขณะที่กระโดดขึ้นต้นไม้ แต่แน่นอนว่าพวกมันปีนต้นไม้ไม่เป็น พวกมันใช้กรงเล็บขีดข่วนลำต้นอย่างดุร้าย แต่ก็ไร้ประโยชน์ใด ๆ
ทั้งสองคนนั่งอยู่บนกิ่งไม้ และในขณะที่ประจักษ์ถึงความจริงที่ว่าพวกเขาปลอดภัยแล้ว ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก มาร์โคระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ยังความประหลาดใจให้อเล็กเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะของความโล่งอก เป็นเสียงหัวเราะของคนซึ่งรอดพ้นเงื้อมมือของมัจจุราชด้วยวิธีการที่เหลือเชื่อ
อเล็กตระหนักถึงความฉิวเฉียดนี้ ไม่อาจกลั้นหัวเราะได้เช่นกัน เขารู้ดีว่าพวกเขายังห่างจากคำว่าปลอดภัยยิ่งนัก รู้ว่าพวกเขาไม่อาจหนีจากที่แห่งนี้ไปได้ และรู้ว่ามีโอกาสที่จะต้องจบชีวิตในสถานที่แห่งนี้ แต่สำหรับตอนนี้ อย่างน้อยพวกเขาก็ปลอดภัย
“ดูเหมือนฉันจะเป็นหนี้ชีวิตนายนะ” มาร์โคบอก
อเล็กส่ายหน้า
“อย่าเพิ่งขอบคุณฉัน” อเล็กพูด
พวกวิลวอกซ์ยังส่งเสียงคำรามอย่างโหดร้าย แผงขนที่ด้านหลังหัวของพวกมันตั้งชัน และอเล็กมองขึ้นไปยังต้นไม้ที่อยู่ด้านบน ด้วยมืออันสั่นเทา เขาต้องการปีนสูงขึ้นไปอีก และสงสัยว่าพวกเขาจะปีนขึ้นได้สูงอีกเพียงใด สงสัยว่าพวกเขาจะมีทางออกจากที่นี่หรือไม่
ทันใดนั้น อเล็กรู้สึกตัวแข็งทื่อ เมื่อมองขึ้นไปเขาถึงกับผงะ เหมือนถูกตีด้วยความน่ากลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อน ที่กิ่งไม้เหนือพวกเขาขึ้นไปนั้น สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นกำลังจ้องมองลงมา ด้วยความยาวแปดฟุต ร่างกายคล้ายงู แต่มีขาทั้งหมดหกชุด แต่ละชุดมีกรงเล็บยาว หัวของมันมีรูปร่างคล้ายปลาไหล มีดวงตาแคบเล็กสีเหลืองด้านที่จ้องมองมาที่อเล็ก มันอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ฟุต หลังโค้งงอ ส่งเสียงขู่ฟ่อ เปิดปากขึ้น ด้วยอาการตกตะลึง อเล็กแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่ามันจะอ้าปากได้กว้างขนาดนี้ – กว้างพอที่จะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว และเขารู้ จากเสียงสั่นกระดิ่งที่หางว่า มันพร้อมที่จะจู่โจม – และสังหารพวกเขาทั้งคู่
ปากของมันเลื่อนเข้ามาใกล้คอของอเล็ก และเขาโต้ตอบอย่างไม่ตั้งใจนักด้วยการกรีดร้องและกระโดดถอยหลังจนมือหลุดจากกิ่งไม้ มาร์โคกระโดดตามเขาไป คิดเพียงอย่างเดียว ให้หนีให้พ้นจากความตายจากเขี้ยวมรณะที่อยู่ในปากอันใหญ่มหึมานั้น
เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งที่รออยู่เบื้องล่างเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาลอยละลิ่วลงมาในอากาศ โดยปราศจากการควบคม และเมื่อเขาได้คิดก็นับว่าสายไปเสียแล้ว ว่าเขากำลังหนีเขี้ยวพิษชุดหนึ่งไปหาเขี้ยวอีกชุดหนึ่ง เขาเหลือบมองไปด้านหลังและมองเห็นพวกวิลวอกซ์ยืนอ้าปากน้ำลายหกอยู่ ไม่มีสิ่งใดที่จะปกป้องเขาจากการตกลงมานี้ได้เลย
เขาได้แลกความตายหนึ่งกับอีกความตายหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว